บริษัท ศรีราชพฤกษ์ จำกัด

บริษัท ศรีราชพฤกษ์ จำกัด หรือ ที่ชาวต่างชาติรู้จักกันในนาม 

Awacs Corp.
ถูกก่อตั้งมาในปี 2526 โดย ตลอดเวลา 42 ปี เรามุ่งพัฒนา
สเตนเลสเลสคุณภาพสูงสู่สังคมไทย

ข่าวสารและกิจกรรม

เปิดตลาดส่งออกสำคัญไทย สหรัฐฯโตแรง 23.8% รับแรงหนุนเลื่อนเก็บภาษี

NEW

สนค. เผยส่งออกไทยขยายตัวต่อเนื่อง ตลาดหลักเติบโตแรง สหรัฐฯ โต 23.8% CLMV โต 25.2% รับแรงหนุนเลื่อนเก็บภาษี ขณะตลาดรองหลายภูมิภาคยังหดตัว สะท้อนแรงกดดันเศรษฐกิจโลก นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า แถลงตัวเลขส่งออกขอไทยเดือนเมษายน 2568 มีมูลค่า 25,625 ล้านดอลลาร์ หรือ 857,700 ล้านบาท ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 และมีมูลค่าการนำเข้า 28,946 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 16.1% ขาดดุลการค้า 3,321 ล้านดอลลาร์ หากหักสินค้าเกี่ยวกับน้ำมัน ขณะที่ การส่งออของไทย 4 เดือนแรกของปี 2568 มีมูลค่า 107,157 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 14% การนำเข้า มีมูลค่า 109,397 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 9.6% ขาดดุลการค้า 2,204 ล้านดอลลาร์ สำหรับการส่งออกไปตลาดสำคัญส่วนใหญ่มีการขยายตัวต่อเนื่อง โดยยังคงมีปัจจัยหนุนต่อเนื่องจากการเร่งส่งออกท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการส่งออกไปตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ ที่ขยายตัวสูง หลังการเลื่อนเก็บภาษีศุลกากรต่างตอบแทนออกไปอีก 90 วัน โดยภาพรวมการส่งออกไปยังกลุ่มตลาดต่าง ๆ มีรายละเอียดดังนี้ ตลาดหลัก  ตลาดสหรัฐฯ ขยายตัว 23.8% (ขยายตัวต่อเนื่อง 19 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ แผงสวิทซ์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า และอัญมณีและเครื่องประดับ สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ตลาดจีน ขยายตัว 3.2% (ขยายตัวต่อเนื่อง 7 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง และยางพารา สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และเม็ดพลาสติก ตลาดญี่ปุ่น ขยายตัว 5.5% (ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น ยางพารา สินค้าอุตสาหกรรมอื่น ๆ และอัญมณีและเครื่องประดับ สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์ และส่วนประกอบ ตลาดสหภาพยุโรป ขยายตัว 6.1% (ขยายตัวต่อเนื่อง 11 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อากาศยาน ยานอวกาศ และส่วนประกอบ และเลนซ์ สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ตลาดอาเซียน ขยายตัว 7.8% (ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ น้ำตาลทราย และน้ำมันสำเร็จรูป สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และยางพารา ตลาด CLMV ขยายตัว 25.2% (ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเคมีภัณฑ์ สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น น้ำมันสำเร็จรูป น้ำตาลทราย และเม็ดพลาสติก ทั้งนี้ ตลาดรอง ตลาดเอเชียใต้ ขยายตัว 8.7% (ขยายตัวต่อเนื่อง 7 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น เคมีภัณฑ์ เส้นใยประดิษฐ์ และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ตลาดทวีปออสเตรเลีย หดตัว 4.0% (หดตัวต่อเนื่อง 5 เดือน) สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก และเครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น น้ำมันสำเร็จรูป น้ำตาลทราย และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ตลาดตะวันออกกลาง หดตัว 15.7% (กลับมาหดตัวในรอบ 3 เดือน) สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ข้าว และอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง และเส้นใยประดิษฐ์ ตลาดทวีปแอฟริกา หดตัว 9.5% (กลับมาหดตัวในรอบ 6 เดือน) สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น ข้าว น้ำตาลทราย และเม็ดพลาสติก สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องยนต์สันดาปภายใน ตลาดลาตินอเมริกา หดตัว 3.4% (กลับมาหดตัวในรอบ 13 เดือน) สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล และผลิตภัณฑ์ยาง สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และแผงวงจรไฟฟ้า ตลาดอื่น ๆ ตลาดรัสเซียและกลุ่มประเทศ CIS ขยายตัว 8.1% (กลับมาหดตัวในรอบ 3 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อากาศยาน ยานอวกาศ และส่วนประกอบ และเม็ดพลาสติก ตลาดสหราชอาณาจักร ขยายตัว 16.2% (ขยายตัวต่อเนื่อง 10 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และไก่แปรรูป สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์ยาง แหล่งที่มา. ฐานเศรษฐกิจ

อ่านต่อ

อินเดียจ่อใช้ Safeguard Measure สกัดเหล็กจีนไหลท่วมตลาดในประเทศ

NEW

อินเดียจ่อใช้มาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น เก็บภาษีเหล็กนำเข้า 12% เป็นเวลา 200 วัน สกัดเหล็กจีนท่วมตลาด หลังยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 80% ในปี 2024 บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า อินเดีย ผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก กำลังวางแผนที่จะจัดเก็บภาษีนำเข้าเหล็กส่วนใหญ่ในอัตรา 12% เพื่อป้องกันอุตสาหกรรมในประเทศ ตามรายงานในมติเบื้องต้น กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมของอินเดียได้แนะนำให้เก็บภาษีเป็นระยะเวลา 200 วัน ซึ่งได้มีการเชิญชวนรับฟังความเห็น และจะทำการแนะนำขั้นสุดท้ายหลังจากการพิจารณาครั้งต่อไปอีกที รัฐบาลแนะนำไว้ว่า ขณะนี้มีสถานการณ์วิกฤตกำลังเกิดขึ้น ซึ่งหากมาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (Safeguard Measure) มีความล่าช้าออกไปอีก ก็อาจเกิดความเสียหายที่ซ่อมแซมได้ยาก อินเดียอาจประกาศใช้มาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประกาศมาตรการภาษีที่อาจกระทบเส้นทางการค้าเหล็กโลก เนื่องจากอินเดียและเวียดนามเป็นกลุ่มประเทศที่มีการผลิตเหล็กเติบโตมากสุด และอาจต้องเผชิญภาวะเหล็กท่วมตลาด อินเดีย เวียดนาม ชิลี และซาอุดีอาระเบีย เร่งดำเนินการมาตรการจำกัดการไหลของเหล็กราคาถูกจากจีน แม้ว่าจีนจะผลิตเหล็กน้อยลงแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมากกว่าอุปสงค์เหล็กภายในประเทศอยู่ดี  มาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้นครั้งนี้ จะช่วยให้ผู้ผลิตเหล็กในอินเดียอย่าง จินดัล สตีล แอนด์ พาวเวอร์ (Jindal Steel and Power) และเจเอสดับบลิว สตีล (JSW Steel) โล่งอกได้บ้าง หลังเรียกร้องความคุ้มครองจากภาครัฐมายาวนานถึง 4 ปี ขณะที่ตลอด 7 เดือนแรกในปี 2024 ที่ผ่านมา อินเดียนำเข้าเหล็กจากจีนเพิ่มขึ้น 80% เป็น 1.6 ล้านตัน แถลงการณ์ของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า มาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้นจะถูกใช้ในช่วงที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น อย่างไม่คาดคิด และไม่เป็นดังหวัง จนอาจสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมในประเทศอย่างถาวร   แหล่งที่มา : ประชาชาติธุรกิจ

อ่านต่อ