




บริษัท ศรีราชพฤกษ์ จำกัด หรือ ที่ชาวต่างชาติรู้จักกันในนาม
Awacs Corp.
ถูกก่อตั้งมาในปี 2526 โดย ตลอดเวลา 42 ปี เรามุ่งพัฒนา
สเตนเลสเลสคุณภาพสูงสู่สังคมไทย
อินเดียจ่อใช้ Safeguard Measure สกัดเหล็กจีนไหลท่วมตลาดในประเทศ
อินเดียจ่อใช้มาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น เก็บภาษีเหล็กนำเข้า 12% เป็นเวลา 200 วัน สกัดเหล็กจีนท่วมตลาด หลังยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 80% ในปี 2024 บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า อินเดีย ผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก กำลังวางแผนที่จะจัดเก็บภาษีนำเข้าเหล็กส่วนใหญ่ในอัตรา 12% เพื่อป้องกันอุตสาหกรรมในประเทศ ตามรายงานในมติเบื้องต้น กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมของอินเดียได้แนะนำให้เก็บภาษีเป็นระยะเวลา 200 วัน ซึ่งได้มีการเชิญชวนรับฟังความเห็น และจะทำการแนะนำขั้นสุดท้ายหลังจากการพิจารณาครั้งต่อไปอีกที รัฐบาลแนะนำไว้ว่า ขณะนี้มีสถานการณ์วิกฤตกำลังเกิดขึ้น ซึ่งหากมาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (Safeguard Measure) มีความล่าช้าออกไปอีก ก็อาจเกิดความเสียหายที่ซ่อมแซมได้ยาก อินเดียอาจประกาศใช้มาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประกาศมาตรการภาษีที่อาจกระทบเส้นทางการค้าเหล็กโลก เนื่องจากอินเดียและเวียดนามเป็นกลุ่มประเทศที่มีการผลิตเหล็กเติบโตมากสุด และอาจต้องเผชิญภาวะเหล็กท่วมตลาด อินเดีย เวียดนาม ชิลี และซาอุดีอาระเบีย เร่งดำเนินการมาตรการจำกัดการไหลของเหล็กราคาถูกจากจีน แม้ว่าจีนจะผลิตเหล็กน้อยลงแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมากกว่าอุปสงค์เหล็กภายในประเทศอยู่ดี มาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้นครั้งนี้ จะช่วยให้ผู้ผลิตเหล็กในอินเดียอย่าง จินดัล สตีล แอนด์ พาวเวอร์ (Jindal Steel and Power) และเจเอสดับบลิว สตีล (JSW Steel) โล่งอกได้บ้าง หลังเรียกร้องความคุ้มครองจากภาครัฐมายาวนานถึง 4 ปี ขณะที่ตลอด 7 เดือนแรกในปี 2024 ที่ผ่านมา อินเดียนำเข้าเหล็กจากจีนเพิ่มขึ้น 80% เป็น 1.6 ล้านตัน แถลงการณ์ของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า มาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้นจะถูกใช้ในช่วงที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น อย่างไม่คาดคิด และไม่เป็นดังหวัง จนอาจสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมในประเทศอย่างถาวร แหล่งที่มา : ประชาชาติธุรกิจ
ทรัมป์ลั่น! 2 เม.ย. เก็บภาษีตอบโต้ทุกประเทศ เพื่อปลดแอกสหรัฐ
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะกำหนดทั้งภาษีตอบโต้ในวงกว้าง และภาษีเฉพาะบางภาคส่วนในวันที่ “2 เมษายน” โดยกล่าวกับผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน ว่า “ในบางกรณี จะมีการเก็บภาษีทั้งสองประเภท” สำหรับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศที่เข้าสู่สหรัฐ “พวกเขาเก็บภาษีจากเรา เราก็เก็บภาษีจากพวกเขา และนอกจากนี้ ในส่วนของรถยนต์ เหล็ก และอะลูมิเนียม เราจะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมด้วย” ทรัมป์ กล่าว คำกล่าวนี้บ่งชี้ว่า ทรัมป์ วางแผนเดินหน้านโยบายภาษีที่เข้มงวดมากขึ้น แม้ว่าการดำเนินการในขั้นต้นจะสร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดการเงิน และทำให้ความสัมพันธ์กับพันธมิตรตึงเครียดก็ตาม ทรัมป์เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า รัฐบาลของเขากำลังเตรียมมาตรการที่เรียกว่า “ภาษีตอบโต้” ซึ่งจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแต่ละประเทศในอัตราที่คำนวณจาก “อัตราภาษี” และ “อุปสรรคทางการค้า” ที่ไม่ใช่ภาษีของประเทศนั้นๆ ประธานาธิบดียังกล่าวอีกว่า เขาต้องการปกป้องอุตสาหกรรมหลักสหรัฐ ซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ เหล็ก อะลูมิเนียม ไมโครโปรเซสเซอร์ และเวชภัณฑ์ โดยยังไม่ชัดเจนว่าภาษีเฉพาะในภาคส่วนเหล่านี้จะถูกรวมอยู่ในมาตรการภาษีตอบโต้ หรือจะถูกเพิ่มเข้าไปในมาตรการดังกล่าว “วันที่ 2 เมษายน เป็นวันที่ปลดปล่อยประเทศของเรา” ทรัมป์กล่าว “เรากำลังทวงคืนความมั่งคั่งบางส่วนที่บรรดาประธานาธิบดีที่โง่เขลามากๆ ในอดีตได้มอบให้ไป เพราะพวกเขาไม่รู้เลยว่ากำลังทำอะไรอยู่” รายการภาษีทรัมป์ที่ผ่านมา 4 มีนาคม – ภาษีใหม่ 25% กับสินค้านำเข้าจากเม็กซิโก และแคนาดา เนื่องจากทรัมป์มองว่า สองประเทศล้มเหลวในการสกัดกั้นผู้อพยพผิดกฎหมาย และการลักลอบนำยาเสพติดเฟนทานิลเข้าไปในอเมริกา – เพิ่มภาษีอีก 10% กับสินค้านำเข้าจากจีนจากระดับภาษี 10% ที่เก็บเพิ่มเมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากจีนถูกทรัมป์ตำหนิว่า เป็นผู้ผลิตยาเสพติดเฟนทานิลที่ลักลอบนำเข้าสหรัฐ ผ่านทางเม็กซิโก และแคนาดา 12 มีนาคม เก็บภาษี 25% กับเหล็ก และอะลูมิเนียมที่นำเข้าจากทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อแคนาดา และจีน เนื่องจากเป็นผู้ส่งออกเหล็กรายใหญ่ 14 มีนาคม ทรัมป์ขู่เก็บภาษีนำเข้า 200% กับไวน์ คอนญัก และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากยุโรป เพื่อตอบโต้แผนของสหภาพยุโรปที่จะเก็บภาษีวิสกี้อเมริกัน 50% ในเดือนเมษายน 2 เมษายน ภาษีตอบโต้สำหรับ “ทุกประเทศ” ในอัตราเดียวกับที่ประเทศนั้นเรียกเก็บจากสหรัฐ เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมในอัตราภาษีระหว่างกัน อ้างอิง: bloomberg แหล่งที่มา.กรุงเทพธุรกิจ